ทำไม Skincare ถึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะคนที่ลองใช้สกินแคร์มาหลายยี่ห้อแล้ว แต่หลุมสิวยังไม่ดีขึ้น ความจริงคือปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่การเลือกครีมผิด แต่เกิดจากโครงสร้างผิวชั้นลึกที่สกินแคร์เข้าไม่ถึง
ภาพรวมโครงสร้างผิว: ทำไม “ชั้นไหน” สำคัญกับหลุมสิว
ผิวหนังแบ่งใหญ่ ๆ เป็น 2 ชั้นที่เกี่ยวข้องกับหลุมสิวคือ หนังกำพร้า (Epidermis) และ หนังแท้ (Dermis) โดย “หลุมสิว” เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น ลึกลงไปในหนังแท้ ไม่ใช่หนังกำพร้า ดังนั้นผลิตภัณฑ์บำรุงส่วนมากที่ทำงานบนผิวชั้นบนจึงไม่สามารถ “ซ่อมโครงสร้าง” ที่เสียหายได้
Epidermis (หนังกำพร้า): ชั้นที่สกินแคร์ทำงานได้ดีที่สุด
-
เป็นผิวชั้นบนสุด มีหลายชั้นย่อย (รวมถึง Stratum Corneum หรือชั้นขี้ไคล) ที่ทำหน้าที่เป็น เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
-
บทบาทหลัก: ปกป้องผิว ลดการสูญเสียน้ำ ควบคุมการซึมผ่านของสารต่าง ๆ และผลัดเซลล์ผิวตามรอบ (ประมาณ 3–4 สัปดาห์)
-
สกินแคร์ที่ทาแล้วเห็นผลชัดเจนมักส่งผลในชั้นนี้ เช่น ชุ่มชื้นขึ้น เรียบลื่นขึ้น รอยดำจางลง
-
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างหลุมสิวไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้ จึงอธิบายได้ว่าทำไมสกินแคร์—even เวชสำอาง—ถึง “ทำให้ผิวดูดีขึ้น” ได้ แต่ ไม่อาจทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นจริง
-
เชื่อมโยงกับคำถาม: ทำไม Skincare ถึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้—เพราะส่วนนใหญ่ทำงานใน Epidermis ไม่ใช่ชั้นโครงสร้างลึก
Dermis (หนังแท้): จุดกำเนิดของ “ร่องหลุม”
-
เป็นชั้นลึกที่อุดมด้วย คอลลาเจนชนิด I และ III, อีลาสติน และ GAGs (เช่นไฮยาลูรอนิกแอซิดที่ร่างกายสร้างเอง) ซึ่งเป็น “โครงค้ำยัน” ให้ผิวแน่น ตึง เด้ง
-
เมื่อเกิด สิวอักเสบรุนแรง การอักเสบทำลายคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใน Dermis ร่างกายซ่อมแซมได้ไม่เต็มที่ จึงเกิดการ ยุบตัวเป็นร่อง หรือที่เราเรียกว่า “หลุมสิว”
-
รูปแบบหลุมสิวที่พบบ่อย
-
Ice Pick: หลุมแคบ ลึก แทงลงไปคล้ายรูเข็ม
-
Boxcar: ขอบคม คล้ายหลุมมีขอบ
-
Rolling: พื้นผิวคลื่น ๆ จากพังผืดดึงรั้ง
-
-
เนื่องจากต้นเหตุอยู่ใน Dermis การรักษาที่ได้ผลจึงต้อง เข้าถึงชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่
Fibroblast (ไฟโบรบลาสต์): โรงงานคอลลาเจนของผิว
-
เป็นเซลล์หลักใน Dermis ที่ทำหน้าที่ ผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และเมทริกซ์ของผิว
-
ในกระบวนการหายของแผล (Wound Healing) ไฟโบรบลาสต์ถูกกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนเพื่อ “อุด” ช่องว่างเนื้อเยื่อที่เสียหาย
-
ในหลุมสิวแบบยุบตัว (atrophic scar) เกิดจาก การสูญเสียคอลลาเจนสุทธิ หรือการซ่อมแซมที่ไม่สมบูรณ์
-
หัตถการอย่าง Fractional Laser, Microneedling, TCA CROSS, Sculptra (biostimulator) ทำงานด้วยหลักการ “Controlled Micro-injury” หรือกระตุ้นชีวภาพ เพื่อ ปลุกไฟโบรบลาสต์ ให้สร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเป็นระบบ ผลคือพื้นผิวค่อย ๆ เรียบขึ้น
กลไกการซึมผ่านของสกินแคร์
งานวิจัยด้านผิวหนังพบว่า สกินแคร์ส่วนใหญ่ทำงานได้เพียงใน ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เท่านั้น ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุด ความลึกของชั้นนี้อยู่เพียงประมาณ 0.05–1.5 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับตำแหน่งบนร่างกาย ในขณะที่ หลุมสิวเกิดในชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่ลึกลงไปประมาณ 2–3 มิลลิเมตร การซึมผ่านของสารออกฤทธิ์ (active ingredients) ในครีมไม่สามารถลงไปถึงระดับนี้ได้
นอกจากนี้ โมเลกุลของส่วนผสมในสกินแคร์ เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด หรือเปปไทด์ มีขนาดใหญ่เกินไปที่จะผ่านเกราะผิว (Skin Barrier) ได้ ยกเว้นถูกทำให้เป็นอนุภาคเล็กพิเศษเช่น นาโนเทคโนโลยี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเข้าไปถึงชั้นโครงสร้างผิวที่เสียหายจากสิวอักเสบรุนแรง
จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จะเห็นว่า ทำไม Skincare ถึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ เพราะต้นตอของหลุมสิวอยู่ในชั้นหนังแท้ (Dermis) ซึ่งต้องใช้หัตถการทางการแพทย์กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ใช่ครีมบำรุง
การสร้างคอลลาเจน: จุดที่สกินแคร์ไปไม่ถึง
หลุมสิวเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนมาทดแทนในจุดที่ถูกทำลายได้ การซ่อมแซมโครงสร้างผิวจึงต้องอาศัยการ กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ในชั้นหนังแท้ให้ผลิตคอลลาเจนใหม่ ซึ่งสกินแคร์ทั่วไปไม่สามารถกระตุ้นได้ลึกพอ
งานวิจัยแสดงว่า วิธีที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้จริงคือการ ทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ ในผิวหนัง (Controlled Injury) เช่น เลเซอร์, Microneedling, หรือ TCA CROSS เมื่อผิวได้รับการกระตุ้นแบบนี้ ร่างกายจะส่งสัญญาณการอักเสบเชิงบวก (Inflammatory Response) กระตุ้นกระบวนการ Healing Cascade ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ ส่งผลให้หลุมสิวค่อย ๆ ตื้นขึ้น
ทำไมบางคนรู้สึกว่าครีมช่วยให้หลุมสิวดีขึ้น?
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่ว่าหลุมสิวหาย แต่เป็นเพราะ
-
สกินแคร์ทำให้ผิว ชุ่มชื้นขึ้น ทำให้หลุมสิวดูไม่ลึก
-
ส่วนผสมบางชนิด เช่น เรตินอล หรือ AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยสิวรอบ ๆ หลุมดูจางลง
-
แสงและเงาที่ตกบนผิวที่เรียบชุ่มชื้นอาจทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง การรับรู้ด้วยสายตา (Perception Effect) ไม่ใช่การฟื้นฟูโครงสร้างผิวจริง
หัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูหลุมสิวได้จริง เช่น
-
Fractional CO2 Laser: มีการศึกษาพบว่าเพิ่มปริมาณคอลลาเจน Type I และ III ในชั้นหนังแท้ ทำให้หลุมสิวลดลง
-
Microneedling: งานวิจัยพบว่าการสร้าง micro-injury ขนาดเล็ก ๆ บนผิวช่วยกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่และช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
-
Program Sculptra (Poly-L-lactic acid): สารตัวนี้เป็น Biostimulator ที่กระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง 6–12 เดือน
-
TCA CROSS: มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารผิวหนังต่างประเทศ พบว่าใช้รักษาหลุมสิวลึกแบบ Ice Pick Scar ได้ผลดี
👉 อ่านเพิ่มเติม: Totalised Scar Program โปรแกรมรักษาหลุมสิวทุกประเภท
ดังนั้น คำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม Skincare ถึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้ ก็คือ เพราะสกินแคร์ทำงานได้แค่ในผิวชั้นนอก หากต้องการแก้ไขหลุมสิวจริง ๆ ต้องอาศัยการรักษาที่เข้าถึง Dermis เช่น ตัดพังผืด, เลเซอร์, Microneedling หรือ TCA CROSS
Totalised Scar Program โปรแกรมรักษาหลุมสิวที่ BetterKhun
BK คลินิกรักษาหลุมสิวที่คนไข้ไว้ใจ
✅️ ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล
✅️ รักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท
✅️ เก็บทุกรายละเอียด เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
📩 ปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมได้ที่
🔗 LINE@ : @betterkhunclinic (มี@ด้วยนะคะ) หรือ https://lin.ee/pk7yfup
📍 Google Map : https://maps.app.goo.gl/BhRGxh8LRorfaJPh8?g_st=ic
📞 Tel : 095-635-1962
🚆 BTS เพลินจิต ทางออก 3 ซอยนายเลิศ
ซอยถัดจากโรงแรมRosewood เจอพี่วินมอเตอร์ไซค์แล้วเลี้ยวซ้าย คลินิกอยู่ซอยแรก