ทำไม Skincare ถึงไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้

การรักษาหลุมสิว (หรือที่เรียกว่า “สิวเป็นหลุม”) นั้นมักเป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากปัญหานี้เกิดจากการทำลายโครงสร้างของผิวหนังที่เกิดจากการอักเสบของสิว ซึ่งทำให้เกิดการสร้างแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นหลุมได้ การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือสกินแคร์ทั่วไปมักไม่สามารถรักษาหลุมสิวได้เนื่องจากเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ดังนี้:

  1. การทำลายของโครงสร้างผิว: หลุมสิวเกิดจากการทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและความเรียบเนียน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไปมักทำงานที่ชั้นผิวหนังชั้นนอก (epidermis) โดยเน้นที่การเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสีผิว และลดเลือนริ้วรอยในระดับที่มองเห็นได้ แต่ไม่สามารถกระตุ้นการซ่อมแซมโครงสร้างเหล่านี้ในระดับที่ลึกได้
  2. กระบวนการสร้างเซลล์ใหม่: หลุมสิวต้องการการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ในระดับที่ลึกกว่าผิวชั้นนอก การใช้สกินแคร์ทั่วไปไม่สามารถเข้าไปทำงานที่ชั้นผิวหนังชั้นกลาง (dermis) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งชั้นนี้จำเป็นสำหรับการสร้างคอลลาเจนและซ่อมแซมผิว
  3. การสร้างคอลลาเจน: หลุมสิวต้องการการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น การทำเลเซอร์ (laser therapy) หรือการฉีดสาร (Injectables) ที่สามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น
  4. ชนิดของแผลเป็น: หลุมสิวสามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น Ice Pick Scars, Boxcar Scars, และ Rolling Scars ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การใช้สกินแคร์ทั่วไปไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
  5. การซึมผ่านของสาร: ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสามารถซึมผ่านได้ลึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยทั่วไปจะทำงานที่ชั้นผิวหนังชั้นนอกและบางครั้งอาจซึมลึกลงไปถึงชั้นกลาง แต่การเข้าถึงชั้นผิวหนังที่ลึกมาก ๆ (hypodermis) จะยากมาก การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่หรือสารเคมีที่ซับซ้อนมักจะทำให้การซึมผ่านน้อยลง

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การรักษาหลุมสิวจึงควรใช้วิธีการที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์หรือการรักษาด้วยการเข็มในการตัดพังผืดที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวเป็นหลุม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีในการฟื้นฟูผิวที่มีหลุมสิว

Recommended Blogs

Add LINE Friends via QR Code